วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554

ประวัติพระพุทธมหามณีรัตนปฎิมากร(พระแก้ว)

 พระพุทธปฎิมากรแก้วมรกตนี้ มีตำนานโดยย่อสังเขปว่า เทวดาได้สร้างถวายพระนาคเสนเถระ ซึ่งเป็นพระอรหันต์องค์สำคัญองค์หนึ่งในพระพุทธศาสนา เมื่อท่านจำพรรษาอยู่ ณ เมืองปาฎลีบุตร พระนาคเสนเถระได้อธิษฐานอาราธนาพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระบรมศาสดาให้มาประดิษฐานอยู่ในองค์พระแก้วและพระแก้วมรกตนี้ประดิษฐานอยู่ในเมืองปาฎลีบุตรเป็นเวลานาน ต่อมาได้ตกไปยังลังกาทวีป แล้วตกไปอยู่เมืองกัมพูชา เมืองศรีอยุธยา เมืองละโว้ และเมืองกำแพงเพชรเป็นลำดับ ภายหลังได้ตกไปอยู่เมืองเชียงราย เจ้าเมืองเชียงรายเกรงศัตรูจะทำลาย จึงเอาปูนพอกลงรักปิดทองเอาไว้ในพระเจดีย์


ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๑๙๗๗ พระสถูปเจดีย์ถูกอสนีบาตฟ้าผ่าทลายลง พวกชาวเมืองได้เห็นพระพุทธรูปลงรักปิดทองทึบทั้งองค์ เข้าใจว่าเป็นพระพุทธรูปศิลาสามัญ จึงอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ในวิหารแห่งหนึ่ง ครั้นต่อมาปูนที่หุ้มตรงปลายพระนาสิก(จมูก)ได้กระเทาะออก พระสงฆ์ในวัดนั้นได้ไปเห็นเข้าจึงช่วยกันกระเทาะปูนออกจากองค์ทั้งหมด ได้ทราบว่าเป็นพระพุทธรูปแก้วทึบทั้งองค์ บริสุทธิ์ รัศมีสุกใสไม่มีบุบสลาย พวกชาวเมืองเชียงราย และเมืองใกล้เคียงได้ทราบก็พากันไปบูชาสักการะเป็นจำนวนมาก


เจ้าเมืองเชียงรายจึงมีใบบอกไปยังพระเจ้าสามฝั่งแกน เจ้าแผ่นดินเชียงใหม่เมื่อยังดำรงเอกราชอยู่ เจ้าเมืองเชียงใหม่จึงได้จัดช้างเป็นขบวนแห่อัญเชิญพระแก้วมารกตมาครั้นขบวนแห่มาถึงทางแยกที่จะไปเมืองลำปาง ช้างที่รับพระแก้วมรกตก็วิ่งตื่นไปทางเมืองลำปาง ควาญช้างได้ปลอบโยนให้สงบลงแล้ว พามาถึงทางที่จะไปเมืองเชียงใหม่ ช้างก็ตื่นวิ่งไปทางเมืองลำปางอีก หมอความญช้างจึงเปลี่ยนเอาช้างที่เชื่องมารับเสด็จ ช้างนั้นก็ตื่นวิ่งไปทางลำปางอีก ด้วยเหตุนั้น ท้าวพระยาประชาชนผู้ไปรับเสด็จ ได้เห็นแปลกประหลาดมหัศจรรย์ จึงมีใบบอกไปยังเจ้าเมืองเชียงใหม่ ขณะนั้นเจ้าเมืองเชียงใหม่ยังมีความเชื่อโชคลางฝีสางอยู่ จึงดำริว่าผีที่รักษาองค์พระคงไม่ยอมมาเชียงใหม่ จึงให้อัญเชิญพระแก้วมรกตไปไว้ ณ เมืองลำปาง พระพุทธมณีรัตนปฎิมากรประดิษฐานอยู่ที่เมืองลำปางนานถึง ๑๒ ปี


ต่อมาพระเจ้าติโลกราชได้ขึ้นครองราชสมบัติ ณ เมืองเชียงใหม่ เป็นพระเจ้าแผ่นดินที่มีพระบรมเดชานุภาพมาก ทรงดำริว่าเจ้าเมืองเชียงใหม่ที่แล้วๆมา ได้ยอมให้พระแก้วมรกตไปประดิษฐานที่เมืองลำปาง เป็นการไม่สมควร จึงได้ไปอาราธนาอัญเชิญกลับมาและทรงสร้างเจดีย์ถวายพระพุทธมหามณีรัตนปฎิมากร ประดิษฐานอยู่ที่เชียงใหม่นานถึง ๘๔ ปี


ครั้นเมื่อพระเจ้าเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพระราชบิดาของนางหอสูงสวรรคต เป็นเหตุให้เมืองเชียงใหม่ว่างกษัตริย์ผู้ครองเมือง พระยาและเสนาบดีทั้งปวงจึงพร้อมกันแต่งราชบรรณราการไปถวายพระเจ้าโพธิสารผู้ครองกรุงศรีสัตตนาคนหุต และได้ทูลขอพระราชโอรสซึ่งประสูติจากพระนางหอสูงมาครองราชสมบัติแทนพระอัยกา พระเจ้ากรุงศรีสัตตนาคนหุต จึงโปรดให้เสนาบดีจัดแจงจตุรงคเสนาพาพระราชโอรส ซึ่งมีพระชนมายุเพียง ๑๒ พรรษา ไปทำพิธีราชาภิเษกครองราชสมบัติ ณ เมืองเชียงใหม่ ทรงพระนามว่า พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ต่อมาอีก ๓ ปี พระเจ้าโพธิสารก็เสด็จสวรรคต เสนาพฤฒาจารย์ และสมณชีพราหมร์จึงได้อัญเชิญพระเจ้าไชยเชษฐาขึ้นครองราชสมบัติอีกเมืองหนึ่ง เพื่อป้องกันราชโอรสองค์นั้นแย่งราชสมบัติกัน พระเจ้าไชยเชษฐาเมื่อประทับยังกรุงศรีสัตตนาคนหุต ได้อัญเชิญพระแก้วมรกตมาด้วย เพื่อให้ประชาราษฎร์และพระบรมวงศานุวงศ์ได้กระทำการสักการบูชา บางครั้งพระองค์ประทับอยู่นานจนชาวเมืองเชียงใหม่คิดว่าไม่เสด็จกลับ จึงได้อัญเชิญเชื้อพระวงศ์องค์อื่นขึ้นครองราชสมบัติแทน ทำให้พระเจ้าไชยเชษฐาทรงพระพิโรธมาก ได้ยกกองทัพมาหมายเพื่อจะตีเมืองเชียงใหม่ พระเจ้าเชียงใหม่ได้หันไปทำไมตรีผูกมิตรกับพม่าซึ่งขณะนั้นพระเจ้าบุเรงนอง หรือที่เรารู้จักกันว่า ผู้ชนะสิบทิศ กำลังเสวยราชสมบัติอยู่ พม่าได้ยกกองทัพมาช่วย พระเจ้าไชยเชษฐาทรงเกรงว่าจะสู้กองทัพพันธมิตรของสองนครไม่ได้จึงยกกองทัพกลับมา


พระเจ้าไชยเชษฐาได้ทรงตรวจดูทำเลที่ตั้งของกรุงศรีสัตตนาคนหุต ถ้าหากต้องทำศึกใหญ่กับพม่า ทรงเห็นว่าชัยภูมิไม่เหมาะสม เพราะอยู่ใกล้ภูเขาใหญ่ห่างไกลจากแม่น้ำ จึงทรงย้ายราชธานีไปตั้งใหม่ที่เวียงจันทน์ ซึ่งเป็นที่ราบลุ่ม สมบูรณ์ไปด้วยข้าวปลาอาหาร พระองค์ได้อัญเชิญพระแก้วมรกตไปด้วย พระเจ้าไชยเชษฐาองค์นี้แหล่ะ ที่ประวัติศาสตร์ไทยกล่าวว่า ได้แต่งเครื่องบรรณาการมาทูลขอพระราชธิดาของพระมหาจักรพรรดิไปเป็นอัครมเหสี แต่ถูกกองทัพพม่าดักชิงไปในระหว่างทาง พระองค์ได้ช่วยไทยทำสงครามกับพม่าหลายครั้งหลายหน


กาลต่อมาเมื่อไทยได้เสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง พม่าได้ขนเอาทรัพย์สมบัติอันมีค่ามหาศาลไปหมด แม้แต่องค์พระพุทธรูปทองคำที่ใหญ่ที่สุดก็ยังถูกพม่าเอาไฟเผาลนเอาทองไป เมื่อสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี(ตากสิน) ได้ยกกองทัพเรือมาจากจันทบุรีโจมตีพม่าที่รักษาเมืองพ่ายแพ้ย่อยยับไป ได้กอบกู้เอกราชคืนมาได้สำเร็จหลังจากเสียกรุงไปเพียง ๗ เดือนเท่านั้น พระองค์ได้ย้ายเมืองหลวงจากกรุงศรีอยุธยาไปยังกรุงธนบุรี ทรงรวมประเทศไทยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ทั้งยังได้แผ่พระบรมเดชานุภาพขยายพระราชอาณาเขตให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ทรงโปรดให้เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก(รัชกาลที่ ๑) ยกกองทัพไปปราบหัวเมืองลานช้าง เมื่อตีเมืองเวียงจันทน์ได้แล้ว ได้อัญเชิญพระแก้วมรกตกลับมายังกรุงธนบุรีด้วย โดยอาราธนามาประดิษฐานไว้ที่โรงพระแก้ว ในพระราชวังเดิม ข้างวัดอรุณราชวราราม ได้ทำพิธีฉลองสมโภชอย่างมโหราฬตลอด ๗ วัน


เมื่อสิ้นรัชกาลพระเจ้ากรุงธนบุรี เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกได้ปราบดาภิเษกขึ้นครองราชสมบัติ ทรงพระนามว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์จักรี ได้ทรงสร้างตำบลบางกอกทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นเป็นเมืองหลวงขนานนามว่า กรุงเทพพระมหานครอมรรัตนโกสินทร์ เมื่อปีขาล พ.ศ. ๒๓๒๕ โปรดให้สร้างพระอารามขึ้นในบริเวณมาหราชวัง เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต เมื่อสร้างเสร็จแล้วจึงได้อัญเชิญพระแก้วมรกตมาประดิษฐานในพระอุโบสถ และขนานนามวัดว่า วัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระองค์ทรงมีพระราชศรัทธาในองค์พระปฎิมากรยิ่งนัก ทรงถือว่าเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองทีเดียว จึงได้ทรงสร้างเครื่องทรงถวายสำหรับฤดูร้อนและฤดูฝนจนกระทั่งรัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรางสร้างเครื่องทรงสำหรับฤดูหนาวถวายอีกสำรับหนึ่ง สำหรับฤดูทั้งสาม การผลัดเปลี่ยนเครื่องทรงแต่ละฤดูนั้น เป็นพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกรัชกาลสืบมา


สีรถ,สีเสื้อ,วันออกรถ,สิ่งมงคล,ศิริมงคล,เหล็กไหล,เสริมดวงร้านค้า,ของไหว้ศาลพระภูมิ,พระภูมิเจ้าที่,อาบน้ำมนต์,พิธีพุทธาภิเษก,เงินทองไหลมาเทมา,เครื่องรางของขลัง,วิธีเสริมดวง,สิริมงคล,เสริมสิริมงคล,การเสริมสิริมงคล,แก้เคล็ด,เสริมโชคลาภ,เพิ่มราศี,ดูดี,มีราศี,ดอกไม้,มงคล,ไม้มงคล,ฤกษ์ออกรถ,ดับทุกข์,สาเหตุทุกข์,บูชา,พระพุทธรูป,ศักดิ์สิทธิ์,อภินิหาร,น้ำมนต์,ทำมาหากิน,ค้าขาย,เจริญรุ่งเรือง,ก้าวหน้า,สีเสื้อ,สีรถ,traffic,website traffic,web traffic,หวย,เลขเด็ด,กูเกิ้ล,